ในที่สุดก็ชัดเจนสักทีครับ! เรื่องที่หลายคนรอลุ้น โดยเฉพาะสายใช้รถบ่อย ๆ — กรมสรรพสามิตประกาศแล้วว่า จะมีการปรับ “โครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน” ใหม่ โดยจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง “น้ำมันดีเซล” และ “เบนซิน” ต่างก็โดนหมด!

สายรถเล็ก รถใหญ่ เติมอะไรอยู่ มาดูกันชัด ๆ เลยว่า กระทบแค่ไหน ต้องวางแผนยังไงบ้าง?

🛢️ ดีเซลโดนหนัก! ภาษีขึ้นเป็น 6.44 บาท/ลิตร

ก่อนหน้านี้น้ำมันดีเซลได้รับ “สิทธิพิเศษ” จากรัฐมาอย่างยาวนาน โดยเก็บภาษีเพียง 0.005 บาท/ลิตร (ใช่ครับ ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ห้า!) เพื่อพยุงราคาดีเซลไม่ให้ขึ้นสูง เพราะมีผลต่อค่าขนส่งและราคาสินค้าทั่วไป

แต่จากวันที่ 1 กรกฎาคม 67 เป็นต้นไป ภาษีดีเซลจะถูกปรับขึ้นเป็น 6.44 บาท/ลิตร ทันที!
ฟังดูเหมือนจะขึ้นแรง… แต่เดี๋ยวก่อนครับ ยังมี “สูตรกันช็อก” อยู่!

💬 รัฐประกาศว่าจะทยอยปรับเพิ่มแบบขั้นบันได ไม่ปรับทีเดียว 6 บาทกว่า
เพื่อไม่ให้ราคาพุ่งแรงแบบกระโดดกระตุกทันที

⛽️ ฝั่งเบนซิน โดนลดภาษี! (แต่ราคาขายอาจไม่ได้ลดตามนะ…)

อีกฟากของน้ำมันกลุ่มเบนซิน ไม่ว่าจะเป็น เบนซิน 95, แก็สโซฮอล์ 91/95 หรือ E20 — เดิมภาษีอยู่ที่ประมาณ 5.85 บาท/ลิตร และจะปรับลดเหลือ 5.13 บาท/ลิตร

แม้จะดูเหมือนเป็นข่าวดี แต่ต้องบอกก่อนว่า ราคาขายปลีกหน้าโรงกลั่นจะไม่เปลี่ยน เพราะค่าภาษีลดแค่ในส่วน “ก่อนรวมค่าการตลาด-ค่าขนส่ง-ค่าดำเนินการ” เท่านั้น
แปลว่า… ราคาปั๊ม “อาจจะไม่ลด” แบบที่เราคาดหวังสักเท่าไหร่ครับ

📊 แล้วทำไมต้องปรับโครงสร้างภาษีน้ำมัน?

เหตุผลหลักมีอยู่ 3 เรื่อง:

1. ✅ รัฐต้องการเพิ่มรายได้เข้าสู่กองทุนสรรพสามิต

2. ✅ ลดภาระการอุดหนุนที่ลากยาวมาหลายปี (โดยเฉพาะฝั่งดีเซล)

3. ✅ ปรับสมดุลการใช้พลังงาน และส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV ในระยะยาว

🚘 แล้วพวกเรา คนใช้รถ ได้รับผลกระทบยังไง?

ฝั่งที่ใช้ดีเซล:

• ถ้าใช้รถกระบะ, SUV ดีเซล หรือรถบรรทุก อาจเริ่มเห็นราคาขยับขึ้น “ทีละนิด” ภายในครึ่งปีหลัง

• ค่าขนส่งสินค้าบางกลุ่มอาจมีผลกระทบตามมา

ฝั่งที่ใช้เบนซิน:

• ถึงภาษีจะลด แต่ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าราคาจะลดตาม

• แต่ในเชิงโครงสร้าง ถือว่าเป็นสัญญาณบวกนะครับ

✅ AutoTown สรุปให้แบบเข้าใจง่ายๆ